วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

คนจีนแห่เที่ยวไทย ตามรอยหนังดัง Lost in Thailand

ที่พักในจังหวัด เชียงใหม่ ถูกจองเต็ม
หลังจากภาพยนตร์ Lost in Thailand ที่ถ่ายทำในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ทำสถิติรายได้ขนานใหญ่ในจีนเป็นหนังที่ทำรายได้หนึ่งวันสูงสุดในประเทศ และหลังจากเปิดตัวมา 8 วัน หนังทำรายได้ในประเทศไปถึง 450 ล้านหยวน (2,250 ล้านบาท) จากทุนที่ไม่ถึง 30 ล้านหยวน (150 ล้านบาท) จนกลายเป็นโอกาสทางดีสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวของจีน ที่จัดโปรแกรมทัวร์เที่ยวไทยตามรอยภาพยนตร์
ทั้งนี้ Lost in Thailand ถ่ายทำที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่และภูเก็ต เนื้อเรื่องเกี่ยวกับคู่หูชาวจีนที่เดินทางไปท่องเที่ยวเชียงใหม่ เพื่อเป็นการส่งท้ายก่อน วันสิ้นโลก ที่เชื่อกันว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. 55 Lost in Thailand ได้เปิดตัวครั้งแรกในจีนเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 55 และได้ทำรายได้สูงถึง 129 ล้านหยวนในสามวันแรก และ 450 ล้านหยวนในสัปดาห์แรก มีผู้ชมในสัปดาห์แรกสูงถึง 14 ล้านคน
ภาพยนตร์ Lost in Thailand ได้ถ่ายทำตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในไทยทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต โดยแฝงมุกตลก ความสนุกสนานไว้ ขณะที่ภาพยนตร์กำลังโด่งดัง จึงเกิดเป็นกระแสแบบปากต่อปากไปทั่วประเทศจีน ทำให้ชาวจีนอยากมาสัมผัสบรรยากาศในเมืองไทยตามภาพยนตร์ ทั้งการปล่อยโคมลอย นั่งรถตุ๊กตุ๊ก Spa ไทย และชมการแสดงของช้าง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวคริสต์มาสถึงปีใหม่นี้ ขณะที่บางคนวางแผนจะไปในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน
ทั้งนี้ สถิติจาก www.ctrip.com เว็บไซต์ท่องเที่ยวใหญ่ของจีน พบว่า ในเดือน ธ.ค. จำนวนนักท่องเที่ยวที่สมัครเดินทางไปเที่ยวไทยทั้งในรูปแบบตามคณะทัวร์และเดินทางท่องเที่ยวส่วนตัวสูงถึง 1 หมื่นคน เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทัวร์ท่องเที่ยวไทยในช่วงวันตรุษจีนปีนี้ก็ถูกจองเต็มไปกว่าร้อยละ 50 แล้ว นอกจากนี้ ในเดือน ธ.ค. จำนวนนักท่องเที่ยวที่จองทัวร์เชียงใหม่เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ปัจจุบันตั๋วเครื่องบินที่ไปเชียงใหม่และโรงแรมระดับ 5 ดาวในเชียงใหม่ถูกจองแทบไม่เหลือ
ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ กรุงปักกิ่ง

ภาพประกอบข่าว Lost in Thailand

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

หนาวนี้ สู้หวัดด้วยการนอน






          
         



หนาวนี้ สู้หวัดด้วยการนอน (Momypedia)

ผลวิจัยเผยนอนหลับน้อยกว่า 7 ชั่วโมง ทำให้เป็นหวัดง่ายขึ้น 3 เท่า

อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ หลายคนไม่สบายเป็นหวัดได้ง่าย เราเลยมีวิธีง่าย ๆ ในการสู้หวัดมาฝากค่ะ ง่ายมาก เพราะแค่นอนหลับให้เพียงพอก็เป็นปราการต้านหวัดได้แล้ว แถมยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

ผลวิจัยล่าสุดเผยว่า คนที่นอนน้อยหรือนอนไม่พอ จะเสี่ยงต่อการป่วยเป็นหวัดมากกว่า เมื่อได้รับเชื้อไวรัสหวัดเข้าสู่ร่างกาย

"คนที่นอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อคืน มีโอกาสที่จะเป็นหวัดมากกว่าคนที่นอนหลับ 8 ชั่วโมงต่อคืนมากถึง 3 เท่า" เชลดอน โคเฮน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้ เมลลอน ผู้ทำการวิจัยเรื่องนี้กล่าวหลังจากที่ผลการวิจัยเรื่องนี้ของเขาตีพิมพ์ในวารสาร Archives of Internal Medicine

ในการศึกษานี้ ทีมนักวิจัยทีมนี้ได้ทำการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างผู้ชายและผู้หญิงอายุระหว่าง 21 -55 ปี จำนวน 153 คน เพื่อเก็บข้อมูลเรื่องการนอนและไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันทุกวันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้นให้กลุ่มตัวอย่างมีโอกาสรับเชื้อไวรัสโรคหวัดเข้าสู่ร่างกาย ผลปรากฏว่า เมื่อได้รับเชื้อไวรัสโรคหวัด 88 % ของกลุ่มตัวอย่างเกิดอาการติดเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถตรวจว่า ใครติดเชื้อได้จากการตรวจแอนตี้บอดี้ในกระแสเลือด ซึ่งในกลุ่มตัวอย่าง 88% ที่มีอาการติดเชื้อนี้ไม่ใช่ว่า ทุกคนเกิดอาการป่วย มีเพียง 43% เท่านั้นที่มีอาการป่วยเป็นหวัด เช่น คัดจมูก ไอ หรือเจ็บคอ

ผลการศึกษานี้ยังแสดงให้เห็นว่า กลุ่มตัวอย่างที่นอนหลับน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อคืน มีความเสี่ยงต่อการเป็นหวัดมากกว่าคนที่นอนหลับ 8 ชั่วโมงต่อคืนมากถึง 3 เท่า และยิ่งนอนน้อยเท่าไหร่ยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นหวัดมากขึ้นด้วย

โดยหากกลุ่มที่นอนหลับ 8 ชั่วโมงต่อคืน นอนหลับได้น้อยลง 10 นาที พวกเขาจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นหวัดได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าครึ่ง และหากนอนหลับได้น้อยลงถึง 40 นาทีต่อคืน ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นหวัดได้ถึง 5 เท่า

นักวิจัยอธิบายว่า การนอนหลับน้อยทำให้เสี่ยงต่อการเป็นหวัดมากขึ้นนั้น เพราะการนอนหลับมีผลต่อ ประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายนั่นเอง

รู้อย่างนี้แล้ว คืนนี้เข้านอนแต่หัวค่ำ ทำใจให้สบาย และนอนหลับให้สนิทอย่างผ่อนคลายกันดีกว่า

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

“ประเพณีวันปีใหม่” ของแต่ละประเทศทั่วโลก

 

ประเทศไอร์แลนด์

ใกล้ปีใหม่ 2013 เข้าไปทุกที ลองมาดูกันว่าคืนวันนี้แต่ละประเทศต่างๆ ในโลกเขามีประเพณีฉลองงานปีใหม่กันอย่างไรบ้าง

mistletoe

ที่มาภาพ what the hell news
บรรดาสาวโสดในประเทศไอร์แลนด์จะรอคอยคืนวันปีใหม่เป็นพิเศษ เพราะวันนี้เชื่อกันว่าจะเป็นวันที่นำพาคนรักให้เข้ามาในชีวิต สาวชาวไอร์แลนด์จะวางใบมิสเซิลโท (mistletoe) ไว้ใต้หมอน เพื่อเป็นการอธิฐานว่าปีนี้ขอให้ได้เจอกับสามีในอนาคต นอกจากนั้นยังเชื่อว่าใบมิสเซิลโทจะช่วยขจัดโชคร้ายด้วย


ประเทศเดนมาร์ก

Breaking-Plates
ที่มาภาพ what the hell news
ประเพณีแปลกๆ ในวันปีใหม่ของประเทศเดนมาร์กก็คือการปาถ้วยชามที่แตกได้ใส่ประตูบ้านของเพื่อนบ้าน ถ้าเป็นที่อื่นคงได้มีเรื่องกันแน่ๆ แต่น่าแปลกว่าสำหรับคนเดนมาร์กแล้วกลับชื่นชอบให้มีคนมาปาจานชามใส่หน้าบ้านตัวเอง และเมื่อหมดวันนั้น บ้านไหนที่มีกองถ้วยชามที่แตกกองพะเนินหน้าบ้านมากที่สุดจะถือว่าบ้านนั้นจะโชคดีมากที่สุด เพราะหมายความว่าคนบ้านนั้นมีเพื่อนและคนที่รักเยอะกว่าใครๆ นั่นเอง
นอกจากนั้น ชาวเดนมาร์กยังมีประเพณีการกระโดดลงจากเก้าอี้ตอนเวลาเที่ยงคืนของวันขึ้นปีใหม่อีกด้วย เชื่อกันว่าเพื่อเป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป
denmark-200812-ss
ที่มาภาพ travelandleisure


ประเทศเม็กซิโก

ouija-board
ที่มาภาพ the twenty first floor
การติดต่อพูดคุยกับวิญญาณเป็นส่วนหนึ่งในความเชื่อของชาวเม็กซิโก ซึ่งเชื่อกันว่าคนเป็นสามารถติดต่อและพูดคุยกับวิญญาณคนตายที่เป็นคนรักหรือคนในครอบครัวได้ วันปีใหม่จะถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการติดต่อสื่อสารกับวิญญาณคนตาย นอกจากเพื่อการพูดคุยถามไถ่แล้วบางครั้งก็รวมกึงการขอคำปรึกษาจากวิญญาณอีกด้วย
การติดต่อกับวิญญาณนี้จะไม่ทำที่บ้านใครบ้านมัน แต่จะไปทำในสถานที่ๆ รับทำการติดต่อกับวิญญาณอย่างถูกกฏหมาย เช่น บางโรงแรมจะมีบริการติดต่อกับวิญญาณได้คนละ 15 นาที นอกจากวันปีใหม่แล้ว ประเทศเม็กซิโกยังมี วันแห่งคนตาย (Day of the Dead) เพื่อฉลองให้กับเหล่าคนตาย ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 2 พฤศจิกายนของทุกปี


ประเทศฟิลิปปินส์

polka_dot_dress_with_skinny_pink_belt-3570
ที่มาภาพ luvimages
ชาวฟิลิปปินส์จะชอบสิ่งของที่เป็นทรงกลมกันมาก ในวันปีใหม่ของทุกๆ ปีคนฟิลิปปินส์ส่วนมากจะพากันใส่เสื้อผ้าที่มีลายจุด ในร้านอาหารหรือโต๊ะอาหารที่บ้านก็จะตกแต่งกันด้วยผลไม้ที่เป็นทรงกลม และคนส่วนมากก็จะรับประทานอาหารหรือผลไม้ที่มีรูปทรงกลมกันในวันปีใหม่
Sanstitre
ที่มาภาพ macheriefrancine
ชาวฟิลิปปินส์เชื่อกันว่า ของที่มีรูปร่างกลมเป็นสิ่งดีเพราะเหมือนกับรูปร่างของเหรียญเงิน หมายถึงความร่ำรวยและประสบความสำเร็จในปีนั้นๆ


ประเทศเอกวาดอร์

Burning-Scarecrows
ที่มาภาพ what the hell news
โดยปกติแล้วการเผารูปภาพของใครหมายความถึงว่าคนนั้นอาจจะทำสิ่งที่ไม่ดีกับเราถึงขนาดอภัยให้ไม่ได้ แต่ในประเทศเอกวาดอร์ จะมีประเพณีที่คนในท้องถิ่นจะมารวมตัวกันเพื่อนำรูปภาพของสิ่งต่างๆ ที่ไม่ต้องการเจอหรือไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในปีใหม่เอามาเผาทิ้ง
นอกจากนั้น ชาวเอกวาดอร์จะทำหุ่นไล่กาขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์และเศษไม้ เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนแต่ละครอบครัวก็จะเผาหุ่นไล่กานั้น เชื่อกันว่าหุ่นไล่กานี้เป็นตัวแทนของสิ่งไม่ดีทั้งหลายของปีที่ผ่านมา และเมื่อเผามันทิ้งแล้วปีใหม่ก็จะเริ่มต้นได้อย่างมีความสุข


ประเทศสกอตแลนด์

Viking-Fire-Ball
ที่มาภาพ what the hell news
ประเทศสกอตแลนด์จะมีงานเทศกาลอันตรายที่ชื่อว่า Hogmanay ที่จัดขึ้นในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกๆ ปี ในเทศกาลนี้ชายหนุ่มจะมีการเดินขบวนโดยถือลูกบอลไฟไว้ด้วย และหมุนหรือแกว่งลูกบอลไฟนั้นไปรอบๆ ตัวเอง เทศกาลนี้มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ในสมัยยุคไวกิ้งเลยทีเดียว
06.scotland.afp_.gi_
ที่มาภาพ what the hell news


ประเทศเยอรมัน

IMG_2441
ที่มาภาพ daad
ลองคิดภาพดูว่าทุกๆ คืนวันปีใหม่ คุณจะต้องโดนบังคับให้ดูรายการโทรทัศน์เรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกปี ทั้งบททั้งการแสดงเป็นแบบเดิมไม่มีอะไรใหม่ ฟังดูแล้วน่าจะน่าเบื่อมากกว่าสนุก แต่นี่คือสิ่งที่ชาวเยอรมันจะต้องได้เจอ เพราะตั้งแต่ปี ค.ศ.1972 เป็นต้นมา ทุกๆ เที่ยงคืนวันขึ้นปีใหม่ชาวเยอรมันจะดูรายการโทรทัศน์ที่ชื่อว่า “Dinner for One”
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าที่มาของประเพณีเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม ประเพณีก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าชาวเยอรมันจะไม่รังเกียจที่จะต้องดูรายการเดิมซ้ำๆ กันทุกๆ ปี


ประเทศชิลี

Chile-New-Years-Unique-Country-Tradition
ที่มาภาพ underthetruth
Talca เป็นเมืองเล็กๆ ในประเทศชิลีซึ่งมีประเพณีฉลองปีใหม่ที่แปลกและออกจะน่าขนหัวลุกอยู่สักหน่อย ชาวเมือง Talca จะฉลองปีใหม่กับคนในครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้ว ในช่วง 15 ปี ที่ผ่านมา ทุกๆ คืนวันปีใหม่ตอนเวลา 23 นาฬิกา นายกของเมืองจะเปิดประตูทางเข้าสุสานไว้เพื่อให้ชาวเมืองได้เข้าไปร่วมฉลองกับคนในครอบครัวที่จากไปแล้ว ในสุสานจะมีการประดับไฟสลัวๆ และมีเพลงคลาสสิคเปิดประกอบไปด้วย
Talca-Chile-Visiting-the-Cemetery
ที่มาภาพ what the hell news
ชาวเมืองเชื่อกันว่า เมื่อคนตายไปแล้ววิญญาณของพวกเขาจะรอคนที่รักอยู่ในสุสาน และคนในครอบครัวก็ควรจะเริ่มต้นปีใหม่กับพวกเขาเหล่านี้ถึงแม้จะตายไปแล้ว ประเพณีเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1995 เมื่อมีครอบครัวหนึ่งแอบเข้าไปในสุสานเพื่อฉลองวันปีใหม่กับพ่อของตัวเอง หลังจากนั้น ชาวเมืองกว่า 5,000 คนก็ทำตามจนกลายเป็นประเพณีไป


ประเทศบราซิล เม็กซิโก และโบลิเวีย

RedUnderwear
ที่มาภาพ gbooza
ชาวบราซิล เม็กซิโก โบลิเวีย และชาวเมืองในแถบอเมริกาใต้จะต้อนรับวันปีใหม่ด้วยการใส่การเกงชั้นในสีสันสดใส โดยปกติแล้วมักจะเป็นสีแดง เหลือง หรือสีสดๆ อื่นๆ เชื่อกันว่าถ้าใส่กางเกงชั้นในสีสดใสผ่านคืนวันขึ้นปีใหม่ไปแล้วจะทำให้ปีนั้นเจอแต่โชคดี อีกทั้งยังช่วยให้พบกับคนรักในอนาคตอีกด้วย
กางเกงชั้นในสีแดง หมายถึงให้ชีวิตรักมีแต่ความสุข ส่วนสีเหลืองหมายความว่า ขอให้ร่ำรวยมีเงินทองมากๆ